เนื้อหา
หากคุณติดนิสัยที่ติดนิ้วคุณอาจต้องทนทุกข์ทรมานจาก rhinotilexia ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียกว่านิสัยนี้เมื่อมันเริ่มทำงาน การทำเกลียวในจมูกมากเกินไปไม่เพียง แต่จะทำให้เกิดความอับอายต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดความเจ็บป่วยอีกด้วย ได้มีการกล่าวว่าฟาโรห์ตุตันคาเมนชาวอียิปต์มีพนักงานคนหนึ่งที่จะเจาะจมูก แต่เรากำลังพยายามหลอกลวงใคร ใครก็ตามที่มีนิสัยชอบทำสิ่งนี้เพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตามระวังข้อเสียและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
เกลียวนิ้วเข้าไปในจมูกอาจทำให้เกิดเลือดออกหรือการเจาะของกะบัง (Medioimages / Photodisc / Photodisc รูปภาพ / Getty)
การติดเชื้อ
เกลียวนิ้วเข้าไปในจมูกอาจทำให้ติดเชื้อได้ จมูกตั้งอยู่ใกล้กับสมองและแบ่งปันเลือดเดียวกันกับมัน การติดเชื้อในภูมิภาคนี้น่าเป็นห่วงเนื่องจากสามารถแพร่กระจายไปยังสมองได้ พื้นที่อันตรายอยู่ระหว่างมุมปากกับสะพานจมูก คนที่ทุกข์ทรมานจาก rhinotilexia มีความเสี่ยงเพราะพวกเขาไม่อนุญาตให้รักษาจมูกเกิดขึ้น
จมูกตั้งอยู่ใกล้กับสมองและแบ่งเป็นเลือดเดียวกัน (Stockbyte / Stockbyte รูปภาพ / Getty)เลือดออกทางจมูก
บาดแผลเช่นที่เกิดจากการสอดนิ้วเข้าไปในจมูกสามารถทำให้เลือดออก เด็กมีความไวต่อปัญหามากขึ้น จมูกเต็มไปด้วยเส้นเลือดและมีความเสี่ยงเมื่อมันยื่นออกมาจากใบหน้า หากต้องการหยุดเลือดออกจมูกให้บีบด้านข้างของจมูกอย่างแน่นหนากดลงบนใบหน้า โน้มตัวไปข้างหน้า หากคุณเอนหลังเลือดอาจไหลไปยังรูจมูกและลำคอของคุณ
จมูกนั้นเต็มไปด้วยเส้นเลือดและยังมีความเสี่ยง (Jupiterimages / liquidlibrary / Getty Images)
เจาะกะบัง
เยื่อบุโพรงจมูกผนังส่งเลือดไปยังส่วนอื่น ๆ ของจมูก การละเมิดกะบังใด ๆ เช่นเกลียวนิ้วมือซ้ำในจมูกอาจส่งผลในการเจาะอาการในกรณีนี้คือความแออัดของจมูก, crusting, น้ำมูกไหลและเสียงผิวปากที่มาจากจมูก การเจาะรูจมูกสามารถซ่อมแซมได้ อย่างไรก็ตามผู้ที่เกี่ยวข้องควรเรียนรู้ที่จะควบคุมนิสัยหากพวกเขาไม่ต้องการมีปัญหาอีก
เยื่อบุโพรงจมูกสามารถเจาะได้หากมีการละเมิด (BananaStock / BananaStock รูปภาพ / Getty)อารมณ์
ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งของการเกาะติดนิ้วของคุณในจมูกก็คือการละอายใจ สิ่งนี้สามารถแยกคนในสังคม สมัครพรรคพวกนิสัยอาจพยายามที่จะฝึกมันอย่างมีเลศนัย แต่เสี่ยงต่อการถูกจับในบางครั้ง การใช้นิ้วมือจิกจมูกเป็นสิ่งที่สังคมยอมรับไม่ได้
ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งของการเกาะติดนิ้วที่จมูกก็เป็นเรื่องน่าอาย (รูปภาพ Ryan McVay / Valueline / Getty)