วิธีตรวจหาการติดเชื้อในหัววัดการให้อาหาร

ผู้เขียน: John Webb
วันที่สร้าง: 9 สิงหาคม 2021
วันที่อัปเดต: 13 พฤศจิกายน 2024
Anonim
การใช้ชุดตรวจ ATK บวกลวง ลบลวง เกิดจากอะไร❓
วิดีโอ: การใช้ชุดตรวจ ATK บวกลวง ลบลวง เกิดจากอะไร❓

เนื้อหา

เมื่อผู้ป่วยไม่สามารถบริโภคอาหารได้ในระยะยาวอาจต้องใช้ท่อให้อาหาร ต้องใส่เครื่องตรวจให้อาหารแบบส่องกล้องทางผิวหนัง (PEG) โดยการผ่าตัดผ่านผนังหน้าท้องและเข้าไปในกระเพาะอาหาร น่าเสียดายที่การติดเชื้อเป็นความเสี่ยงที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับ PEG probes การติดเชื้อสามารถโจมตีได้ตลอดเวลาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลายวันหลังการใส่ท่อให้อาหาร สามารถใช้วิธีการต่อไปนี้เพื่อตรวจหาการติดเชื้อในท่อให้อาหาร

ขั้นตอนที่ 1

เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบผิวหนังรอบ ๆ ประตูจุดที่หัววัดให้อาหารเข้าสู่ร่างกาย มองหารอยแดงการอักเสบการปลดปล่อยและในบางกรณีอาจมีกลิ่นแปลก ๆ ในวันหลังการผ่าตัดสอดท่อ PEG มีความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการติดเชื้อ


ขั้นตอนที่ 2

ตรวจสอบอุณหภูมิของผู้ป่วย อุณหภูมิปกติ 37 องศาเซลเซียส ผู้ที่มีการติดเชื้อและอาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจะมีอุณหภูมิสูง สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อรุนแรงน้อยกว่าอาจไม่มีไข้จนกว่าการติดเชื้อจะแย่ลง

ขั้นตอนที่ 3

ตรวจดูอุจจาระผิดปกติโดยเฉพาะสีดำหรือหลวมมาก (ท้องเสีย) เมื่อผู้ป่วยที่มีหัววัด PEG เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียจากการติดเชื้อจะลงสู่ลำไส้โดยตรง สิ่งนี้จะทำให้ลำไส้อักเสบขัดขวางความสามารถของร่างกายในการดูดซับของเหลวจากอาหารและอุจจาระจะออกมาในรูปแบบของอาการท้องร่วง ในกรณีที่รุนแรงมากขึ้นลำไส้จะเริ่มมีเลือดออกเนื่องจากแบคทีเรียและการอักเสบ ทำให้อุจจาระเป็นเลือดหรืออุจจาระเป็นสีดำ อุจจาระสีดำแสดงว่ามีเลือดออกในระบบทางเดินอาหารส่วนบนส่วนเลือดแดง "สด" แสดงว่ามีเลือดออกในระบบทางเดินอาหารส่วนล่าง


ขั้นตอนที่ 4

สังเกตอาการปวดท้องและคลื่นไส้. ผู้ป่วยที่ติดเชื้อในท่อให้อาหารจะรู้สึกเจ็บปวดไม่สบายตัวและคลื่นไส้ ในเด็กเล็กหรือทารกที่ไม่สามารถพูดได้ว่ากำลังเจ็บปวดให้มองหาความหงุดหงิดที่เพิ่มขึ้นร้องไห้บ่อยขึ้นและมีอาการวิงเวียนศีรษะอื่น ๆ

ขั้นตอนที่ 5

หากสงสัยว่ามีการติดเชื้อในท่อให้อาหารต้องไปพบแพทย์ทันทีและผู้ป่วยจะต้องถูกส่งตัวไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพื่อรับการดูแล หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาเชื้อสามารถฆ่าส่วนของกระเพาะอาหารลำไส้และอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งนำไปสู่ภาวะที่เรียกว่าเนื้อร้าย การติดเชื้อยังสามารถเข้าสู่กระแสเลือดทำให้เกิดภาวะที่อาจถึงแก่ชีวิตที่เรียกว่าภาวะโลหิตเป็นพิษ